ในการซื้อสินค้าออนไลน์ ผมเชื่อว่าคุณคงเคยเห็นตัวเลือกการชำระเงินที่เรียกว่า "ซื้อก่อนจ่ายที่หลัง" หรือ BNPL (Buy Now, Pay Later) ปรากฏอยู่ตามเว็บไซต์ช้อปปิ้งหรือในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ตัวเลือกนี้เปิดโอกาสให้คุณสามารถซื้อสินค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในครั้งเดียว แต่สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวดในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้ BNPL กลายเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนทุกวัย
ซื้อก่อนจ่ายที่หลัง หรือ BNPL ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความนิยมของวิธีการชำระเงินนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนและค่าครองชีพสูงขึ้น ผมมองว่า BNPL กลายเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อสิ่งที่ต้องการหรือจำเป็นได้ แม้จะยังไม่มีเงินพอที่จะจ่ายทั้งหมดในทันที แต่การใช้งาน BNPL ก็ไม่ได้มีแค่ข้อดีเท่านั้น มันยังมีข้อเสียและความเสี่ยงที่คุณควรระวัง
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณไปรู้จักบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลังอย่างละเอียด ตั้งแต่การทำงานของระบบนี้ ไปจนถึงข้อดีและข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นหากคุณเลือกใช้บริการ นอกจากนี้ ผมยังจะแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของ BNPL เพื่อให้เข้าใจการใช้งาน BNPL อย่างรอบคอบ
การเลือกใช้ บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง อาจดูเหมือนเป็นทางออกที่สะดวกสำหรับการจัดการค่าใช้จ่ายในระยะสั้น แต่หากไม่มีการวางแผนหรือใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ มันอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินและผลกระทบทางการเงินที่ไม่คาดคิดได้ ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับ BNPL มากขึ้น และสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมเมื่อพิจารณาใช้วิธีการชำระเงินรูปแบบนี้ครับ
ซื้อก่อนจ่ายที่หลัง (BNPL) คืออะไร
ผมอยากเล่าให้คุณฟังว่า BNPL หรือ "ซื้อก่อนจ่ายที่หลัง" คือวิธีการแบ่งจ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้า โดยคุณสามารถซื้อของที่ต้องการได้ทันที แต่จ่ายเงินเป็นงวดในภายหลัง ส่วนใหญ่บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง ไม่คิดดอกเบี้ย และคุณสามารถรู้ยอดชำระในแต่ละงวดได้ล่วงหน้า การใช้งานก็ง่ายมาก เพียงเลือก BNPL ที่ร้านค้าที่รองรับหรือผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อคุณซื้อของ คุณจ่ายเงินดาวน์เพียงเล็กน้อย เช่น 25% ของราคาสินค้า จากนั้นชำระส่วนที่เหลือในงวดที่กำหนด ซึ่งอาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือน คุณจะต้องเลือกจ่ายเงินคืนด้วยตัวเอง หรือตั้งค่าให้ตัดเงินอัตโนมัติจากบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต
การใช้งานบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง แตกต่างจากบัตรเครดิตตรงที่บัตรเครดิตมักจะคิดดอกเบี้ยหากคุณไม่ชำระเต็มจำนวนในรอบบิล แต่ BNPL จะไม่คิดดอกเบี้ยถ้าคุณชำระเงินตรงเวลา อย่างไรก็ตาม บางครั้ง BNPL ก็มีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถใช้กับสินค้าบางประเภทได้ หรือมีวงเงินที่จำกัด
บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง กำลังเป็นที่นิยม
ในช่วงที่เศรษฐกิจเมืองไทยไม่ค่อยดี ผมเห็นว่าคนเริ่มหันมาใช้ BNPL กันเยอะขึ้น เพราะมันช่วยให้คุณซื้อของที่ต้องการได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ทันที จากข้อมูลพบว่าการใช้บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง ในหมวดสินค้าต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน รวมไปถึงสินค้าอย่างของชำและน้ำมันก็เพิ่มขึ้น
บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เพิ่งเริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้คนต้องการตัวเลือกในการจัดการการเงินในช่วงที่รายได้อาจไม่แน่นอน อีกอย่างคือร้านค้าเองก็เริ่มรองรับการใช้งาน BNPL มากขึ้น
ซื้อก่อนจ่ายที่หลัง Buy Now Pay Later ในไทย มีบริการของอะไรบ้าง
- SPayLater (Shopee): บริการผ่อนชำระสำหรับผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Shopee โดยสามารถผ่อนชำระสินค้าต่างๆ ที่ซื้อบน Shopee ได้
- Lazada PayLater (Lazada): เช่นเดียวกับ Shopee ให้บริการผ่อนชำระสำหรับผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Lazada
- Pay Next: เพย์ เน็กซ์ เงินติดมือ ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง ให้บริการผ่อนชำระสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet
- SCB PAY LATER: บริการผ่อนชำระสำหรับลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์
- K PAY LATER: บริการผ่อนชำระสำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย
- Atome: ให้บริการผ่อนชำระสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยร่วมมือกับร้านค้าชั้นนำมากมาย เช่น Sephora, Central, และ Agoda
โดยทั่วไปคือการผ่อนชำระรายเดือน มักไม่มีดอกเบี้ยหรือมีดอกเบี้ยต่ำ และมีการอนุมัติที่รวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น บริการนี้มีข้อดีคือช่วยเพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการ แต่ผู้ใช้ควรระมัดระวังในการวางแผนการใช้จ่าย ชำระเงินตรงเวลา และอ่านเงื่อนไขอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต BNPL จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรใช้อย่างมีสติและรอบคอบด้วยครับ
ผลกระทบของการใช้บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง
เมื่อคุณสมัครใช้บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง ส่วนใหญ่บริษัทจะตรวจสอบเครดิตแบบเบา (soft credit check) ซึ่งไม่กระทบคะแนนเครดิตของคุณ แต่หากคุณไม่จ่ายเงินตรงเวลา หรือจ่ายล่าช้า บริษัทอาจรายงานการชำระเงินของคุณไปยังหน่วยงานเครดิต และนั่นอาจทำให้คะแนนเครดิตของคุณลดลง สิ่งหนึ่งที่ผมอยากเตือนคือ การชำระเงินล่าช้าอาจนำไปสู่ค่าปรับ และยังทำให้ประวัติการเงินของคุณเสียด้วย การใช้บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง ไม่ได้ช่วยให้คุณสร้างเครดิตในระยะยาวเหมือนบัตรเครดิต คุณควรตรวจสอบว่าคุณมีเงินพอจ่ายงวดในแต่ละเดือนหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้สิน
ข้อดีและข้อเสียของบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง
BNPL มีข้อดีหลายอย่าง เช่น คุณสามารถซื้อของได้ทันทีและแบ่งจ่ายเป็นงวดโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย มันเหมาะมากสำหรับคนที่มีคะแนนเครดิตไม่ดี หรือยังไม่มีประวัติเครดิต แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อเสียที่คุณต้องระวัง เช่น หากคุณอยากคืนสินค้าที่ซื้อผ่านบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง กระบวนการอาจยุ่งยาก ร้านค้าอาจอนุญาตให้คืนสินค้าได้ แต่คุณอาจต้องรอจนกระบวนการคืนเงินเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงจะยกเลิกสัญญา BNPL ได้ ในระหว่างนั้นคุณอาจต้องจ่ายเงินงวดไปก่อน ซึ่งหากไม่จ่ายตรงเวลา ก็อาจมีผลเสียต่อคะแนนเครดิตของคุณ
ความเสี่ยงของการใช้บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง
ถึงแม้ BNPL จะดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ผมอยากบอกว่ามันก็มีความเสี่ยงที่คุณควรระวัง เช่น ข้อกำหนดการชำระเงินของแต่ละบริษัทที่อาจแตกต่างกัน คุณต้องตรวจสอบให้ดีว่าต้องชำระเงินในช่วงเวลาไหน และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดคือเท่าไหร่
ถ้าคุณพลาดชำระเงินตรงเวลา อาจจะต้องเสียค่าปรับ และหากคุณล่าช้าบ่อย ๆ ข้อมูลนี้อาจถูกส่งไปยังหน่วยงานเครดิต ซึ่งส่งผลให้คะแนนเครดิตของคุณลดลงอีกด้วย นอกจากนี้ ผมอยากแนะนำให้คุณเช็คเงื่อนไขการคืนสินค้าด้วย เพราะบางร้านค้าอาจไม่ยอมคืนเงินทันที คุณอาจต้องจ่ายเงินงวดต่อไปจนกว่ากระบวนการคืนเงินจะเสร็จสิ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่คุณต้องระวังคือ บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลังไม่ได้อยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดเหมือนกับบัตรเครดิต ทำให้เงื่อนไขบางอย่างอาจไม่เป็นธรรมต่อลูกค้า คุณควรอ่านสัญญาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจใช้บริการ
การตั้งวงเงินและอัตราดอกเบี้ยในบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง
BNPL มักมีการตั้งวงเงินที่คุณสามารถใช้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและร้านค้าที่คุณซื้อสินค้า โดยทั่วไป วงเงินอาจเริ่มต้นตั้งแต่ไม่กี่พันบาทจนถึงหลักหมื่นบาท และบางครั้งมีการกำหนดวงเงินต่อการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง
สิ่งที่ทำให้บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง แตกต่างจากสินเชื่อประเภทอื่นคือ ส่วนใหญ่จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยหากคุณจ่ายเงินตรงเวลา แต่ถ้าคุณผิดนัดชำระเงิน อัตราดอกเบี้ยอาจสูงถึง 36% นอกจากนี้ยังมีค่าปรับสำหรับการชำระล่าช้า ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 200-300 บาท ผมอยากให้คุณตรวจสอบรายละเอียดพวกนี้ก่อนใช้งานเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
ข้อคิดสำหรับวัยรุ่นเกี่ยวกับบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง
สำหรับวัยรุ่น บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง อาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวก แต่ผมอยากให้คุณแนะนำลูกหลานของคุณให้เข้าใจว่ามันคืออะไรและทำงานยังไง การสอนพวกเขาเรื่องการจัดการเงินและการออมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ตัวอย่างเช่น หากลูกของคุณอยากซื้อแจ็คเก็ตที่ราคา 1,000 บาท คุณอาจให้พวกเขาเก็บเงินก่อนซื้อแทนการใช้ BNPL เพราะระหว่างที่พวกเขาเก็บเงิน อาจทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจ และช่วยให้พวกเขารู้จักการวางแผนการเงินมากขึ้น
สรุป
บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลังช่วยให้คุณแบ่งเบาภาระการจ่ายเงินในระยะสั้นได้ แต่คุณต้องระมัดระวังและวางแผนการใช้เงินให้ดี การไม่ชำระเงินตามกำหนดอาจทำให้คุณเสียค่าปรับหรือส่งผลกระทบต่อเครดิต ผมแนะนำให้คุณเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของบริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง กับตัวเลือกอื่น ๆ เช่น บัตรเครดิต ก่อนตัดสินใจใช้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น